รับมือกับผลข้างเคียงจากการฉายรังสี 1,2
อาการที่พบมากไม่ว่าจะรักษาด้วยการฉายรังสีบริเวณไหนก็คือรู้สึกอ่อนเพลีย นอกจากนี้ผลข้างเคียง ส่วนใหญ่จะเกิดเฉพาะที่ ขึ้นกับบริเวณที่ได้รับการฉายรังสี เช่น รักษามะเร็งเต้านมก็อาจมีรอยแดงหรือสีผิวคล้ำขึ้นตรงผิวหนังบริเวณหน้าอกที่ฉายรังสี มะเร็งในช่องปากจะมีอาการเจ็บปากเจ็บคอในช่วงฉายรังสี หรือผู้ที่ได้รับการฉายรังสีบริเวณช่องท้อง อาจรู้สึกปวดมวนท้อง เป็นต้น อาการเหล่านี้มักเป็นชั่วคราว และมักเริ่มในสัปดาห์ที่ 2-3 ของการฉายรังสี และอาจมีอาการต่อไปได้อีก 2-3 สัปดาห์หลังฉายรังสีครบ ส่วนน้อยมากเท่านั้นที่เกิดผลข้างเคียงรุนแรงภายหลังการฉายรังสี
เมื่อได้รับการฉายรังสีอาจทำให้เกิดเยื่อบุอักเสบ มีแผลในช่องปาก ปากแห้งจึงต้องดูแลช่องปากอย่างสม่ำเสมอ มักจะดีขึ้นหลังฉายรังสีครบแล้วประมาณ 2-4 สัปดาห์ แต่ถ้าดูแลความสะอาดไม่ดีอาจทำให้ติดเชื้อได้โดยเฉพาะเชื้อรา
- ข้อควรปฏิบัติ
- รักษาความสะอาดช่องปากและฟันอย่างสม่ำเสมอ แปรงฟันหลังอาหารทุกมื้อ ใช้แปรงสีฟันอ่อนนุ่ม ยาสีฟันที่ผสมฟลูออไรด์ ลดการสะสมของแบคทีเรีย
- ทำความสะอาดฟันปลอมทุกครั้งที่ทำความสะอาดช่องปาก หากมีการอักเสบในช่องปากควรหลีกเลี่ยงการใช้ฟันปลอม
- ใช้ไหมขัดฟันได้ในคนที่เคยใช้อยู่แล้ว แต่ถ้าไม่เคยไม่ควรเริ่มใช้ในระหว่างรักษาด้วยการฉายรังสี
- บ้วนปากด้วยน้ำเกลือ 4-6 ครั้งต่อวัน หรือใช้เบคกิ้งโซดาครึ่งช้อนชาผสมเกลือครึ่งช้อนชาละลายในน้ำ 2 แก้ว อม กลั้วให้ทั่วช่องปากอย่างน้อย 15-30 วินาทีทั้งก่อน-หลังอาหาร เลี่ยงผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์
- ใช้ลิปมันทาริมฝีปากได้ แต่ควรเว้นระยะอย่างน้อย 4 ชั่วโมงก่อนเข้ารับการฉายรังสี
- จิบน้ำบ่อย ๆ วันละ 6-8 แก้ว และดื่มน้ำอย่างน้อยวันละ 8-10 แก้ว ควรนำขวดน้ำติดตัวไปด้วยเสมอ อาจใช้ผลิตภัณฑ์เพิ่มความชุ่มชื้นในช่องปาก หรือใช้เครื่องพ่นไอน้ำ (Humidifier)
- หากมีอาการเจ็บปวดในช่องปาก ควรพบแพทย์เพื่อรับการรักษา
- ผู้ที่รับการฉายรังสีบริเวณจมูก หากมีอาการคัดจมูก ช่องจมูกแห้งหรือมีเลือดออกเล็กน้อย ควรล้างจมูกด้วยน้ำเกลือหรือพ่นจมูกด้วยผลิตภัณฑ์เพิ่มความชุ่มชื้นอย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง
- ผู้ที่ได้รับการฉายรังสีบริเวณหู หากมีอาการบวมของเนื้อเยื่อรอบ ๆ และเจ็บในช่องหู หลีกเลี่ยงการแคะหู และควรพบแพทย์
- ผู้ที่ได้รับการฉายรังสีบริเวณใกล้ตา ทำให้ตาแห้ง เยื่อบุตาอักเสบ ระคายเคือง ห้ามขยี้ ให้ล้างตาด้วยน้ำต้มสุกและหยอดยาตามแพทย์สั่ง
- เสียงแหบหรือเสียงเปลี่ยนอาจเกิดขึ้นได้ ควรพักใช้เสียงเพื่อลดการกระตุ้นการใช้เส้นเสียง
- การดูแลผิวหนัง
โดยทั่วไปจะมีการเปลี่ยนแปลงของผิวหนังบริเวณที่รับรังสีประมาณ 2-3 สัปดาห์หลังเริ่มฉาย
รังสี ผิวจะมีสีแดง เข้มคล้ำขึ้น แห้งและคันร่วมด้วย ในกรณีถ้ามีผื่น ตุ่ม ควรพบแพทย์เนื่องจากอาจมีการติดเชื้อ ผิวหนังที่เปลี่ยนไปจะเริ่มดีขึ้นหลังจากครบการฉายรังสีแล้ว 3-4 สัปดาห์ นอกจากนี้อาจมีผมหลุดร่วงได้ในบริเวณที่ได้รับรังสีและมักจะงอกคืนมาในเวลา 2-4 เดือนหลังการฉายรังสี
- ข้อควรปฏิบัติ
- ทำความสะอาดบริเวณที่ฉายรังสีด้วยน้ำเปล่าหรือใช้สบู่อ่อนและซับให้แห้งด้วยผ้าสะอาดที่อ่อนนุ่ม
- ใส่เสื้อผ้าหลวม ใส่สบายเพื่อลดการระคายเคืองผิว
- เลี่ยงการขัดถูหรือปิดพลาสเตอร์บริเวณที่ฉายรังสี
- ใช้โลชันหรือผลิตภัณฑ์ให้ความชุ่มชื้นผิวที่เป็น water-based lotion หรือ cream ที่ปราศจากน้ำหอม แอลกอฮอล์ Petroleum Jelly และ Alpha Hydroxy Acid (AHA) วันละ 2 ครั้ง ตั้งแต่เริ่มต้นฉายรังสี
- เลี่ยงการใช้ make up น้ำหอมและแป้งบริเวณที่รับรังสี
- เลี่ยงการโกนหนวดระหว่างรับการฉายรังสี หากจำเป็นควรใช้เครื่องโกนเพื่อเลี่ยงการใช้มีดโกนที่อาจเกิดบาดแผลได้
- ถ้ามีอาการคันควรปรึกษาแพทย์ว่าเกิดการติดเชื้อหรือไม่ / มีอาการปวด รับประทานยาแก้ปวดตามแพทย์สั่ง
การได้รับการฉายรังสีส่วนใหญ่ผู้ป่วยจะมีอาการอ่อนเพลีย ในผู้ที่ได้รับการฉายรังสีบริเวณช่องปาก
และลำคอก็มักจะเจ็บช่องปาก กลืนลำบาก ปากแห้ง น้ำลายเหนียวข้น การรับรสเปลี่ยนไป ทำให้รับประทานได้น้อย อาจทำให้ขาดสารอาหารได้ ดังนั้นเพื่อดูแลสุขภาพองค์รวมจึงต้องให้ความสำคัญกับอาหารในระหว่างรักษาด้วยการฉายรังสี
- ข้อควรปฏิบัติ
- รับประทานอาหารให้หลากหลายครบ 5 หมู่ โดยเน้นอาหารที่ให้พลังงานและสารอาหารอย่างเพียงพอ
- เน้นอาหารประเภทโปรตีน เช่น เนื้อสัตว์ ปลา ไข่ อาหารทะเล เต้าหู้ เพราะเป็นช่วงที่ร่างกายต้องการโปรตีนเพื่อซ่อมแซมและฟื้นฟูสภาพ
- แบ่งอาหารเป็นมื้อเล็ก ๆ หลาย ๆ มื้อเหมาะกับผู้ที่เบื่ออาหารและอิ่มเร็ว ให้ได้รับอาหารมากขึ้น อาจเพิ่มอาหารว่างเพื่อให้ร่างกายได้พลังงานมากขึ้น
- หากมีอาการคลื่นไส้ ควรรับประทานอาหารอ่อน ย่อยง่าย เคี้ยวช้า ๆ ให้ละเอียด
- หากอยากอาหารลดลง ควรเลือกรับประทานอาหารที่ชอบบ้าง และเคลื่อนไหวร่างกายมีกิจกรรมเบา ๆ จะช่วยเพิ่มความอยากอาหาร
- หากเจ็บในช่องปาก ลำคอ กลืนลำบาก อาจเปลี่ยนเป็นอาหารนิ่มลื่น เช่น ซุป โจ๊ก ข้าวต้ม น้ำผลไม้ปั่น โยเกิร์ต มันบด ฯลฯ ช่วยให้รับประทานง่ายขึ้น ลดการระคายเคือง ควรเลี่ยงอาหารรสจัด แห้ง แข็ง กรอบ
- หากมีสภาวะทางร่างกายที่ได้รับผลกระทบจากการฉายรังสี ทำให้รับประทานอาหารได้ไม่เหมือนเดิม สามารถใช้อาหารทางการแพทย์ทานเสริม เพื่อให้มั่นใจว่าได้รับพลังงานและโปรตีนที่เพียงพอ เพื่อฟื้นฟูสภาพร่างกาย และเตรียมความพร้อมสำหรับการนัดฉายรังสีในรอบถัดไป
ทั้งนี้ในผู้ที่มีความอยากอาหารลดลง เจ็บช่องปากและคอ มีปัญหาในการกลืน รับประทานน้อยแต่อิ่มเร็ว ในขณะที่ร่างกายต้องการพลังงานและโปรตีนสูง รวมทั้งมีอาการอักเสบต่าง ๆ อาจเลือกเสริมด้วยอาหารทางการแพทย์สูตรสำหรับผู้ป่วยโรคมะเร็งที่มีสารอาหารครบถ้วนและหลากหลาย รวมทั้งโปรตีน พลังงานและโอเมก้า 3 ที่มีกรดไขมันอีพีเอ (EPA) สูงที่มีส่วนช่วยเพิ่มความอยากอาหาร ลดการอักเสบ เสริมภูมิคุ้มกัน รับประทานง่าย ช่วยลดความเสี่ยงจากการขาดสารอาหาร ช่วยฟื้นความอ่อนเพลียจากการรักษาและเสริมเติมเต็มสารอาหารส่วนที่อาจขาดไปจากการรับประทานอาหารตามปกติ เป็นตัวช่วยให้ผู้ป่วยพร้อมต่อการฉายรังสีได้ตลอดแผนการรักษา
ปรึกษาด้านสุขภาพและโภชนาการกับผู้เชี่ยวชาญของเรา